นวัตกรรมเทคโนโลยี ปุ๋ยน้ำทางใบ

เกษตรกรชาวนาไทยส่วนใหญ่ มีต้นทุนปัจจัยการเพาะปลูกข้าวที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับราคาข้าวเปลือก ทำให้กำไรน้อย ทางบริษัท ซีบริงค์ จำกัด ขอนำเสนอทางเลือกการเพาะปลูกข้าว ด้วยปุ๋ยน้ำทางใบ โดยมุ่งเน้นประโยชน์ที่จะได้รับดังนี้

  • มีความปลอดภัยต่อ กลุ่มผู้ปลูก กลุ่มผู้ฉีดพ่น กลุ่มผู้เก็บเกี่ยวแปรรูป และกลุ่มผู้บริโภค
  • มีสุขภาพที่ดีต่อ กลุ่มผู้ปลูก กลุ่มผู้ฉีดพ่น และกลุ่มผู้บริโภค
  • มีสิ่งแวดล้อมที่ดีต่อ กลุ่มผู้ปลูก กลุ่มผู้อาศัยอยู่รอบข้างแปลง สิ่งมีชีวิตในแปลงนา สิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำ อากาศที่สดชื่น และช่วยลดปัญหาการปลดปล่อยคาร์บอน (เก็บเกี่ยวเร็วขึ้น ประโยชน์โดยตรงกับคาร์บอนเครดิต)

ประวัติความเป็นมาของเรา ที่มีความตั้งใจ พัฒนา ปรับปรุง เพื่อให้ได้วิธีการปลูกข้าวด้วยปุ๋ยน้ำ ที่สอดคล้องทั้ง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ตามข้อมูลด้านล่างนี้ ทางเรามีการปรับปรุงข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

เมื่อปี พ.ศ. 2544 ก่อตั้ง บริษัท ซีบริงค์ จำกัด โดย คุณสุโรจน์ และ คุณจนัธ ศิริรัตตานนท์ ก่อตั้ง บริษัท ซีบริงค์ จำกัด

คุณสุโรจน์ และ คุณจนัธ ศิริรัตตานนท์ ต่างเป็น วิศวกรเคมี ที่มีความสนใจ จะพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพให้กับวงการเกษตรกรรม โดยการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพตามมุมมองทางด้านวิศวกรรม มุ่งเน้นไปยัง ต้นทุนการผลิตที่ต่ำ ผลผลิตที่สูง และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ผลผลิตทางการเกษตรมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกต่อไปได้

ได้เริ่มจัดตั้งบริษัทฯ และสร้างโรงงานผลิตปุ๋ยเคมีน้ำทางใบ ที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีน้ำทางใบที่ได้จากโรงงาน เราได้ทำการวิจัยและพัฒนาการใช้ปุ๋ยเคมีน้ำร่วมกับเกษตรกรชาวนา ไม้สวน พืชผัก และอีกหลายชนิด ในหลากหลายพื้นที่


ปี พ.ศ. 2545 วิจัยพัฒนา ปุ๋ยเคมีน้ำ

ได้ทำการค้นคว้าวิจัยถึงการใช้ปุ๋ยเคมีน้ำ เพื่อช่วยเกษตรกรชาวนา ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มาโดยตลอด โดยได้รับข้อแนะนำถึงข้อดีที่ได้รับจากการใช้ปุ๋ยเคมีน้ำ ในเรื่องของความแข็งแรงของต้นข้าว จนถึงผลผลิต หากยังมีขอติอยู่ที่เครื่องพ่นสะพายหลังที่ใช้ฉีดพ่นปุ๋ยเคมีน้ำ ทำให้เป็นการยากหากต้องฉีดพ่นในพื้นที่ขนาดใหญ่


ปี พ.ศ. 2549 โครงการวิจัยและพัฒนาปุ๋ยเคมีน้ำ กับแปลงขยายพันธุ์ข้าว ณ ศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก

จากที่ได้วิจัยและพัฒนาปุ๋ยเคมีน้ำในแปลงนาข้าวเพื่อเกษตรกรชาวนา ทำให้มีโอกาสเข้าร่วมกับศูนย์วิจัยข้าวพิษณุโลก เพื่อร่วมวิจัยและพัฒนาปุ๋ยเคมีน้ำในแปลงขยายข้าวพันธุ์พิษณุโลก2 โดยไม่ได้ใช้ปุ๋ยอื่นใดร่วมด้วยเลย และไม่ได้ใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชร่วมด้วย

ผลการเพาะปลูกด้วยปุ๋ยเคมีน้ำซีบริงค์ เป็นไปตามคาด กำไรต่อพื้นที่สูง ต้นทุนการเพาะปลูกต่ำ ไม่ได้ใช้ปุ๋ยอื่นเลย และไม่ได้ใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชร่วมด้วยเลย (ที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลิต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม)


ปี พ.ศ. 2552 โครงการขับเคลื่อนเพื่อ โครงการอีสานเขียว

โครงการฯ ของ ฯพณฯท่านอดีตนายก พลเอก เชาวฤทธิ์ ยงใจยุทธ จากผลงานที่สั่งสมมาในส่วนของการผลิตข้าวด้วยปุ๋ยเคมีน้ำ ทำให้เราได้รับการติดต่อจากโครงการอีสานเขียว เพื่อให้แสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ เปรียบเทียบเชิงหลากมิติต่อพื้นที่การเพาะปลูก เช่น กำไร ผลผลิต ต้นทุนการเพาะปลูก สิ่งแวดล้อม บนแปลงนาของท่าน พลตรี ศรชัย มนตริวัต ที่ ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

ผลการเพาะปลูกด้วยปุ๋ยเคมีน้ำซีบริงค์ เป็นไปตามคาด กำไรต่อพื้นที่สูง ต้นทุนการเพาะปลูกต่ำ ไม่ได้ใช้ปุ๋ยอื่นเลย และไม่ได้ใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชร่วมด้วยเลย เปรียบเทียบกับแปลงนาที่ทำการเพาะปลูกข้าวด้วยปัจจัยแวดล้อมเดียวกัน (ผืนนาเดียวกัน ห่างกันด้วยถนนคั่นคันนา เกษตรกรดำเนินการคนเดียวกัน ข้าวพันธุ์เดียวกัน ปลูกวันเดียวกัน)


ปี พ.ศ. 2554 โครงการการปลูกข้าวพันธุ์แปลงขยาย จังหวัดชัยนาท

เปรียบเทียบ ปุ๋ยเคมีน้ำ ซีบริงค์ ให้กับแปลงขยายพันธุ์ข้าวที่จังหวัดชัยนาท โดยได้ตกลงทำการฉีดพ่นปุ๋ยเคมีน้ำเพียงเป้สะภายหลังขนาด 20 ลิตร ตลอดคันนาเพื่อพิสูจน์ ให้เห็นถึงประสิทธิภาพ โดยครั้งนี้ทำให้เราทราบว่าจะช่วยให้การเก็บเกี่ยวเร็วขี้นกว่าปรกติมากกว่า 5 วัน


ปี พ.ศ. 2558 นำเสนอปุ๋ยเคมีน้ำซีบริงค์ ให้กับทางกรมการข้าว

เพื่อนำไปอีกทางเลือกที่ดี สำหรับเกษตรกรชาวนาประเทศไทย โดยจะช่วยให้พัฒนาทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

ทางเศรษฐกิจ

  • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวคุณภาพดีให้ ชาวนาลดต้นทุน เพิ่มกำไร มากว่าเดิม

ทางสังคม

  • ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ผลิต และผู้บริโภค
  • ช่วยให้เกษตรกรชาวนามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ทางสิ่งแวดล้อม

  • ช่วยให้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
  • ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
  • ช่วยลดโลกร้อน

ปี พ.ศ. 2559 ได้รับอนุสิทธิบัตร

อนุสิทธิบัตรว่าด้วยการปลูกข้าวด้วยปุ๋ยเคมีน้ำ แล้วช่วยให้ข้าวทนต่อโรคและแมลง โดยผลิตภัณฑ์

  • ปุ๋ยเคมีน้ำ แม็กซ์เพาเวอร์ เอฟ1 สูตร 27-0-0
    ช่วยให้ต้นข้าวแข็งแกร่งทนต่อศัตรูพืช และแตกกออย่างสมบูรณ์
  • ปุ๋ยเคมีน้ำ แม็กซ์เพาเวอร์ เอฟ2 สูตร 9-7-5
    ช่วยให้ต้นข้าวสะสมอาหาร ทนต่อศัตรูพืช และช่วยให้ต้นข้าวผ่านพ้นช่วงน้ำท่วมและขาดน้ำ
  • ปุ๋ยเคมีน้ำ แม็กซ์เพาเวอร์ เอฟ3 สูตร 3-9-9
    ช่วยให้ต้นข้าวออกรวงพร้อมกัน และ เติมเต็มเมล็ดข้าวให้ได้น้ำหนัก และคุณภาพที่ดี

ในปี พ.ศ. 2561 ได้รับเชิญเข้าร่วม ประชุมข้าวนานาชาติ สิงคโปร์

นำเสนอผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเคมีน้ำสำหรับการปลูกข้าว ในการประชุมนานาชาติว่าด้วยเรื่องข้าวครั้งที่ 5 จัดโดยสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ ที่ประเทศสิงคโปร์

เรานำเสนอวิธีการเพาะปลูกข้าวให้เกษตรกรชาวนาได้กำไรสูงสุดต่อไร่มากกว่าเดิมที่ทำอยู่ อีกทั้งยังปลอดภัยต่อเกษตรกรชาวนา และผู้บริโภคในรุ่นต่อไปอีกด้วย


ปี พ.ศ. 2561 ได้แต่งตั้ง บริษัท ซานาดู อะกริ โปรดักส์ จำกัด ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นตัวแทนจำหน่ายแต่ผู้เดียวที่ประเทศฟิลิปปินส์

โดยทางเราได้ให้ความรู้ แนะนำ ตลอดจนมอบวิธีการใช้ เพื่อนำไปใช้กับนาข้าว และอีกหลากหลายพืชเศรษฐกิจ

ในเรื่องของนาข้าว บริษัท ซานาดู อะกริ โปรดักส์ จำกัด ได้นำผลิตภัณฑ์ ปุ๋ยเคมีน้ำทางใบ ซีบริงค์ นำไปเข้าร่วมทดสอบเปรียบเทียบวิธีการปลูกข้าวเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุด ระหว่างบริษัทฯ ชั้นนำต่างๆ ของประเทศฟิลิปปินส์ กับกรมข้าวฟิลิปปินส์ (Philippines Rice Institute) เพื่อค้นหาวิธีการปลูกให้ได้ ผลผลิตต่อพื้นที่สูงที่สุด และต้นทุนข้าวต่อกิโลกรัมต่ำที่สุด เพื่อข้อมูลที่ได้นี้นำมาให้เกษตรกรชาวนาฟิลิปปินส์พิจารณาเป็นทางเลือก นำไปใช้ในการเพาะปลูกต่อไป

ผลการเพาะปลูกด้วยปุ๋ยเคมีน้ำซีบริงค์ เป็นไปตามคาด กำไรต่อพื้นที่สูง ต้นทุนการเพาะปลูกต่ำ ไม่ได้ใช้ปุ๋ยอื่นเลย และไม่ได้ใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชร่วมด้วยเลย (ที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลิต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม)


ปี พ.ศ. 2565 ผลการทดสอบเปรียบเทียบวิธีการปลูกข้าวให้ได้กำไรสูงสุดต่อพื้นที่ ปุ๋ยเคมีน้ำซีบริงค์ได้ที่ 1 จาก 11 ผู้ร่วมปลูกข้าวเปรียบเทียบ

การทดสอบเปรียบเทียบเพื่อหาวิธีที่ดีที่สุด ระหว่างบริษัทฯ ชั้นนำต่างๆ ของประเทศฟิลิปปินส์ กับกรมข้าวฟิลิปปินส์ (Philippines Rice Research Institute) เพื่อค้นหาวิธีการปลูกให้ได้ ผลผลิตต่อพื้นที่สูงที่สุด และต้นทุนข้าวต่อกิโลกรัมต่ำที่สุด เพื่อข้อมูลที่ได้นี้นำมาให้เกษตรกรชาวนาฟิลิปปินส์พิจารณาเป็นทางเลือก นำไปใช้ในการเพาะปลูกต่อไป

แสดงให้เห็นว่า ปุ๋ยเคมีน้ำทางใบ ซีบริงค์ แม็กซ์เพาเวอร์

  • ได้ผลผลิตต่อพื้นที่ สูงสุดเป็นอันดับ 1 มากกว่าอันดับ 2 ไปกว่า 30%
  • อีกทั้งต้นทุนการผลิตข้าวต่อกิโลกรัม ต่ำสุดเป็นอันดับ 1 น้อยกว่าอันดับ 2 ไปกว่า 30%

เป็นที่ยืนยันเป็นเอกสารว่า ปุ๋ยเคมีน้ำซีบริงค์ แม็กซ์เพาเวอร์ สามารถช่วยเกษตรกรชาวนา ได้ทั้งทาง เศรษฐศาสตร์ สังคม และสิ่งแวดล้อม อันเป็นสิ่งที่น่าขยายพื้นที่นำไปใช้เพื่อการเพาะปลูกข้าว เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการปลูกข้าวให้ยั่งยืนต่อไป


ปี พ.ศ. 2565 โครงการผลิตข้าวด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ จังหวัดอุตรดิตถ์ สนับสนุนโดย ท่านสมาชิกวุฒิสภา พลเอกสำเริง ศิวาดำรงค์

เราได้รับการสนับสนุนจาก ท่านสมาชิกวุฒิสภา พลเอกสำเริง ศิวาดำรงค์ ให้จัดทำ “โครงการ ผลิตข้าวด้วย นวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ จังหวัดอุตรดิตถ์” ด้วยความร่วมมือจากทาง เกษตรจังหวัดอุตรดิตถ์ ท่านพัฒนศักดิ์ พ่วงสมบัติ ให้ขยายผล แนะนำ อบรม ติดตามผลการใช้ กับเกษตรกรชาวนาตัวอย่าง และแปลงใหญ่นาข้าว ในทุกอำเภอ ของจังหวัดอุตรดิตถ์ จำนวน 19 แปลง

ผลการเพาะปลูกด้วยปุ๋ยเคมีน้ำซีบริงค์ เป็นไปตามคาด กำไรต่อพื้นที่สูง ต้นทุนการเพาะปลูกต่ำ ไม่ได้ใช้ปุ๋ยอื่นเลย และไม่ได้ใช้สารป้องกันกำจัดศัตรูพืชร่วมด้วยเลย (ที่ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลิต และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) ที่สำคัญสามารถนำไปช่วยเหลือเกษตรกรชาวนา ได้ทั้งทาง เศรษฐศาสตร์ (ให้มีรายได้ดีขึ้น) สังคม(คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น) และสิ่งแวดล้อม(ไม่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตในดิน น้ำ และอากาศ) อันเป็นสิ่งที่น่าขยายพื้นที่นำไปใช้เพื่อการเพาะปลูกข้าว เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการปลูกข้าวที่ยั่งยืนต่อไป


ปี พ.ศ.2566 บริษัทฯ ร่วมวิจัย การปลูกข้าวด้วยปุ๋ยน้ำทางใบ กับ หน่วยงานวิจัยข้าวประเทศเนปาล (National Rice Research Program (NRRP) at Hardinath, Dhanusha, Napal)

Dr. Ram Baran Yadav (The rice coordinator) และ Mr. Bindeswor Yadav (The Technical Officer) ได้วิจัยและเห็นผลการใช้ปุ๋ยน้ำ แม็กซ์เพาเวอร์ เอฟ123 ในนาข้าวของศูนย์วิจัย เปรียบเทียบกับแปลงข้างเคียงด้วยวิธีเพาะปลูกต่างๆ ผลผลิตข้าวที่ได้ไม่น้อยกว่าการเพาะปลูกแบบเดิมที่ดีที่สุดที่ใช้อยู่
ข้อสังเกตุจากการใช้ปุ่ยน้ำทางใบ ของบริษัทฯ ส่งผลให้ ผลผลิตข้าวเปลือกที่ได้ มีปริมาณที่มากกว่าแปลงเปรียบเทียบเนื่องจาก มีการเจริญเติบโตที่สม่ำเสมอทั้งแปลง อย่างต่อเนื่อง มีการเติบโตตอบสนองต่อการให้ปุ๋ยน้ำทางใบทุกครั้ง ส่งผลคุณภาพข้าวเปลือกที่ได้มีการออกรวงพร้อมกัน และเหลืองสุกก่อนแปลงข้างเคียงถึง 5 วัน

เพื่อให้เกิดความเสถียรทางเจ้าหน้าที่ขอดำเนินการทดสอบซ้ำ เพื่อหาค่าความเบียงเบนต่างๆ เพื่อพัฒนาวิธีการใช้ปุ๋ยน้ำทางใบนี้ให้เหมาะสมกับชาวนาในประเทศเนปาล ก่อนนำไปขยายผลต่อไป


พฤศจิกายน พ.ศ.2566 – ประชุมหารือ กรมข้าว กระทรวงเกษตร เพื่อหาแนวทางช่วยเหลืออุตสาหกรรมข้าว ด้วยนวัตกรรม ปุ๋ยน้ำทางใบ

กรมการข้าวของไทย นำโดย อธิบดีกรมการข้าว ท่าน ณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ มอบหมาย รองอธิบดี ท่าน ดร. ชิษณุชา บุดดาบุญ เข้าประชุมหารือร่วมมือกับ บริษัท ซีบริงค์ จำกัด วิจัยขยายผลการใช้ปุ๋ยน้ำทางใบในการปลูกข้าว สืบเนื่องจากโครงการผลิตข้าวด้วยนวัตกรรมเทคโนโลยีสมัยใหม่ จังหวัดอุตรดิตถ์ ของ สมาชิกวุฒิสภา ภาคเหนือตอนล่าง นำโดย สว. พลเอก สำเริง ศิวาดำรงค์ เพื่อพัฒนาแนวทางการทำนาปลูกข้าวให้กับเกษตรกรชาวนาที่สร้างผลกำไร ปลอดภัย และยั่งยืน ผ่านเทคโนโลยีปุ๋ยทางใบ โครงการนี้เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาภาคสนามอย่างกว้างขวาง โดยการปรับขนาดเทคนิคที่ประสบความสำเร็จเพื่อนำไปใช้ในวงกว้าง


มีนาคม พ.ศ. 2567 – สัมนาภาคพื้นเกษตร จังหวัดพิษณุโลก ผู้ใช้ปุ๋ยน้ำจริงในส่วนภาคขยาย 10,000 ไร่

ปลดล็อคศักยภาพของปุ๋ยทางใบ: สร้างผลกำไร ปลอดภัย และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ชาวนา! ร่วมสัมมนาของ บริษัท ซีบริงค์ จำกัด ที่โรงแรมไพลิน อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก!

เพิ่มผลกำไร ลดความเสี่ยง ฟื้นฟูท้องถิ่นด้วยปุ๋ยทางใบ

ประเด็น
  • เพิ่มผลกำไรให้กับนาข้าว: ร่วมแบ่งปัน เทคนิคการผลิตให้กับเกษตรชาวนาสมัยใหม่ ที่ช่วยให้ลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตได้ ตัวอย่างเช่น การใช้ปุ๋ยทางใบผสมอย่างถูกต้อง ฉีดพ่นตามกำหนดวัน จะช่วยให้ต้นข้าวได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ เจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอ และน้ำหนักโดยรวมดีขึ้น
  • วิธีการใช้สารเคมีที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น ช่วยลดอันตรายจากสารเคมีทางการเกษตร: การใช้เทคโนโลยีปุ๋ยน้ำ ช่วยให้เกษตรกรชาวนาลดการใช้สารเคมีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น การใช้ปุ๋ยน้ำสามารถลดปริมาณสารเคมีที่ใช้ และลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของเกษตรกรปฏิบัติ
  • การที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อฟื้นฟูท้องดิ่น: เกษตรกรรมยั่งยืนมุ่งเน้นการรักษาสุขภาพสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น จากชาวนาที่มีกำไรเพิ่มขึ้น ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดีกว่าท้องตลาด ลดผลกระทบจากสารเคมีต่อระบบสิ่งแวดล้อม

มิถุนายน 2567 – เพิ่มผลผลิต และลดการล้มของต้นข้าวพันธุ์ กข43 ด้วยปุ๋ยน้ำทางใบของ บริษัท ซีบริงค์

งานวิจัยนี้ดำเนินการ ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรทันสมัย ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ ข้าว-ปลา-ปาล์ม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพรช ภายใต้การบริหารจัดการของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ อินเตอร์เทรด จำกัด (ซีพีไอ) ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ โดยการศึกษาได้ดำเนินการระหว่าง เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม พ.ศ. 2567 มุ่งเน้นการปรับปรุงเทคนิคการปลูกข้าวพันธุ์ กข43

มีการศึกษาเปรียบเทียบการให้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยที่แตกต่าง 4 วิธีการ เพื่อเพิ่มผลผลิตและลดปัญหาข้าวล้มหลังระยะโนมคอรวง

ผลการวิจัยที่สำคัญ:

พบว่าการใช้ปุ๋ยน้ำทางใบของ บจก.ซีบริงค์ (Standalone Sebring foliar liquid fertilizer) ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด โดยสามารถเพิ่มผลผลิตได้มากกว่า 15% เมื่อเทียบกับผลผลิตเฉลี่ยทั่วไปของข้าวพันธุ์ กข43 พร้อมกันนี้ยังสามารถป้องกันปัญหาข้าวล้มระยะโน้มคอรวงได้ทั้งหมด และลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย


พฤศจิกายน 2567 – ซีบริงค์ ร่วมมือกับ รัฐซือมูซือ ประเทศจีน สู่การเกษตรยั่งยืน

คณะผู้แทนจากบริษัท ซีบริงค์ ประเทศไทย ได้รับเชิญให้ไปเยือนเมืองเจียมูซิ เพื่อร่วมมือกับรัฐบาลจีน ในการจัดตั้งโรงงานผลิตปุ๋ยน้ำทางใบเทคโนโลยีสูง ในการเพาะปลูกอย่างยั่งยืน มีการจัดสัมมนาขึ้น โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม บริษัท ซีบริงค์ แสดงความสนใจอย่างมาก ในศักยภาพทางการเกษตร ของเมืองเจียมูซิ และได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับ แรงจูงใจ ด้านการลงทุน และ การเลือกพื้นที่ตั้งโรงงาน เจ้าหน้าที่ เมืองเจียมูซิได้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนาการเกษตร และให้คำมั่นว่าจะสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนร่วมกันของบริษัท ซีบริงค์


มีนาคม 2568 – ลงนามความร่วมมือวิจัยปลูกข้าวล้านนาด้วยปุ๋ยน้ำทางใบ

พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการระหว่างศูนย์วิจัยข้าวล้านนา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และบริษัท ซีบริงค์ จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนางานวิจัยธาตุอาหารในข้าว ลดต้นทุนการผลิต ส่งเสริมการใช้ปุ๋ยน้ำจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยและภายนอกในเชิงพาณิชย์ โดยมีโครงการวิจัยหลักคือ “The effect of standalone foliar liquid fertilizer application on rice production”

ความร่วมมือนี้เป็นก้าวสำคัญของศูนย์วิจัยข้าวล้านนาในการช่วยเหลือเกษตรกร ยกระดับรายได้ อนุรักษ์พันธุ์ข้าวล้านนา และสอดคล้องกับพันธกิจของศูนย์ฯ ในการช่วยเหลือเกษตรกรผ่านการวิจัยและนวัตกรรมครบวงจร ตั้งแต่ปรับปรุงพันธุ์ พัฒนากระบวนการปลูก พัฒนาผลิตภัณฑ์จากข้าว และเพิ่มมูลค่าข้าวล้านนา โดยได้รับความร่วมมือจากนักวิจัยผู้เชี่ยวชาญทั้งภายในและภายนอกมหาวิทยาลัยเชียงใหม่